นำเสนอ 11 แผ่นเสียงจากศิลปินดาวรุ่ง LGBTQ+ ที่กำลังมาแรงประจำทศวรรษนี้ อย่าง Chappell Roan, Orville Peck, Reneé Rapp และอีกมากมาย !
ยุค 2020s เป็นยุคที่ศิลปิน LGBTQ+ ได้มีพื้นที่ในแวดวงดนตรีที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะบนชาร์ตเพลงนานาชาติที่เราได้เห็นนักร้องเควียร์ขึ้นไปครองพื้นที่กันมากขึ้น หรือการเข้ามาของโซเชียลมีเดียที่นำพากระแสและความไวรัลมาสู่ศิลปิน LGBTQ+ หน้าใหม่ ๆ ให้พวกเขาได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นับว่าเป็นกระแสความเปลี่ยนแปลงที่ดีเลยทีเดียว
เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความเท่าเทียม และเพื่อเพิ่มความแมสให้แก่ศิลปินเควียร์รุ่นใหม่ ๆ แกดเฮาส์ขอนำเสนอ 11 แผ่นเสียงจากศิลปิน LGBTQ+ หน้าใหม่ที่กำลังมาแรงให้คุณลองฟังและเพิ่มสู่คอลเล็กชันของคุณ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย !
เพราะดนตรีเป็นพื้นที่สำหรับทุกคน 🏳️🌈
The Rise And Fall Of A Midwest Princess อัลบั้มเดบิวต์จากนักร้องและนักแต่งเพลง Chappell Roan คนนี้กำลังดังระเบิดในหมู่ Gen Z ด้วยทำนองที่ไพเราะติดหู ซาวด์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากดิสโก้ คันทรี่ และแดนซ์ และเนื้อเพลงที่พูดถึงเรื่องราวการค้นพบตัวตนของเธอ ตั้งแต่เด็กสาวจากชานเมืองรัฐ Missouri สู่เส้นทางการเป็นศิลปิน ณ นครดารา Los Angeles ที่แสนโดดเดี่ยว
นอกจากนี้ อัลบั้ม The Rise And Fall Of A Midwest Princess ยังมาแรงขึ้นเรื่อย ๆ บนชาร์ตแผ่นเสียงขายดีในอเมริกาอีกด้วยนะ ใครสนใจบอกเลยว่าห้ามรอช้า !
เพลงที่เราแนะนำ : Femininomenon, Pink Pony Club, Casual
แค่เห็นปกก็ได้ยินเสียงเพลงแล้ว
อีพี Manic Dream Pixie ของ Peach PRC ศิลปินสาวจากออสเตรเลียชุดนี้ประกอบไปด้วยบทเพลงที่ผสมความสนุกสนานของเพลงป๊อปในยุค 2010s เข้ากับซาวด์ bubblegum pop ที่กำลังมาแรงในยุค 2020s เรียกได้ว่าใครได้ยินก็เป็นต้องหลงใหลตาม แถมแผ่นเสียงยังมาในรูปหัวใจแบบลิมิเต็ดที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรัก 😍
เพลงที่เราแนะนำ : Kinda Famous, Dear Inner Child, Perfect For You
ศิลปินนักแสดงสาวมากความสามารถ Reneé Rapp คนนี้เริ่มเฉิดฉายมาจากบทบาทของเธอในละครเวทีเรื่อง Mean Girls The Musical บทเวทีบรอดเวย์ โดยเธอได้ปล่อยอัลบั้มเดบิวต์ของเธอออกมาในชื่อ Snow Angel
อัลบั้มนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ชีวิตของเธอ โดยเธอได้ถ่ายทอดเรื่องเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เรื่องอกหัก และประสบการณ์อันเลวร้ายจนถึงช่วงเวลาที่เธอผ่านพ้นมันไปได้ ทั้งหมดนี้ด้วยเสียงร้องที่ทรงพลังแต่ก็ลื่นไหล ราวกับว่ากำลังนั่งดูละครเวทีเกี่ยวกับชีวิตของเธอเลยทีเดียว
หากคุณอยากเสพผลงานของเธอเพิ่มเติม ลองฟัง OST จาก Mean Girls เวอร์ชันภาพยนตร์ได้เลย
เพลงที่เราแนะนำ : Pretty Girls, Snow Angel, Tummy Hurts
ไม่บ่อยนักที่ศิลปินที่เพิ่งเข้าวงการจะค้นหาแนวเพลงที่ตัวเองถนัดและถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี และวงอินดี้ร็อกสัญชาติอังกฤษ The Last Dinner Party เป็นตัวอย่างที่ดี
สมาชิกทั้งห้าเปิดตัวด้วยเพลง Nothing Matters ในปี 2023 และไม่นานนักก็กลายเป็นกระแสขึ้นมาในหมู่คนเสพอินดี้ของเกาะอังกฤษ อัลบั้ม Prelude to Ecstasy เป็นอัลบั้มที่หนักไปด้วยซาวด์ theatrical rock ที่ฟังแล้วเหมือนโดนดูดเข้าไปในละครเวทีของเชคสเปียร์ยังไงยังงั้น จรดกับเนื้อเพลงที่แสนจะเสียดสีและพูดถึงการเป็นชนกลุ่มน้อยของสังคม ในฐานะผู้หญิงและ LGBTQ+ เพราะฉะนั้น หากคุณเห็นภาพตัวเองเป็นพวกเธอ คุณจะถูกใจอัลบั้มนี้ไม่น้อย
เพลงที่เราแนะนำ : Nothing Matters, Sinner, My Lady of Mercy
หลังจากที่เธอปล่อยซิงเกิ้ล we fell in love in october ที่ฮิตขึ้นมาในชาวแซฟฟิค และขึ้นโชว์เปิดให้กับแม่ Taylor Swift ณ The Eras Tour นักร้องและนักแต่งเพลง Marie Ulven ในนาม girl in red คนนี้ก็ไม่ได้หยุดพัก ปล่อยสตูดิโออัลบั้มชุดที่สอง I’M DOING IT AGAIN BABY! ออกมา
โดยในอัลบั้มนี้ เราได้เห็นเธอปล่อยของในฐานะร็อกสตาร์ ด้วยซาวด์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากป๊อปร็อก และเนื้อเพลงที่ไฮไลต์ความหลากหลายของอารมณ์และความสัมพันธ์ จากการนอนเศร้าอยู่บ้านสู่การออกไปสังสรรค์ และปิดจบด้วยการค้นหาตัวเอง อัลบั้มชุดนี้ ใครได้ฟังแล้วก็ต้องสนุกแถมบูสต์ความมั่นใจตามอย่างแน่นอน
เพลงที่เราแนะนำ : Too Much, You Need Me Now?, ⭐⭐⭐⭐⭐
บางครั้ง ยาใจในยามเจ็บปวดก็มักจะมาในรูปแบบของบทเพลง
In Search Of The Antidote เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่สองของนักร้องและนักแต่งเพลง Fletcher ที่แต่งขึ้นมาเพื่อบรรเทาทุกข์หลังจากจบความสัมพันธ์กับคนรักเก่าของเธอ บทเพลงในอัลบั้มนี้ให้อารมณ์เพลงร็อคที่ต้องฟังสด ๆ ในสเตเดี้ยมใหญ่ ๆ บวกกับเนื้อเพลงที่สุดจึ้กและตรงไปตรงมา
หนึ่งในไฮไลต์จากอัลบั้มนี้เป็นเพลงที่แต่งขึ้นหลังจากที่เธอไปบ๊ะกับแฟนเก่าที่คอนเสิร์ต The Eras Tour (เดาไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าเพลงไหน 🤔)
เพลงที่เราแนะนำ : Doing Better, Eras Of Us
หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักคลิปไวรัล ‘haha I do that’ จากแอป Vine (🥲) มาก่อน
ทุกวันนี้ เจ้าของคลิปไวรัลคนได้ผลิบานและผันตัวมาเป็นศิลปิน/โปรดิวเซอร์เต็มตัวในนาม Left At London โดยเธอได้ปล่อยโปรเจกต์ EP ชุด Transgender Street Legend และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินหน้าใหม่อีกมากมาย
t.i.a.p.f.y.h. เป็นอัลบั้มเดบิวต์ของเธอที่สื่อถึงตัวตนของเธอในฐานะศิลปินอิสระได้เป็นอย่างดี ด้วยโปรดักต์ชันที่ผสมผสานฮิปฮอปเข้ากับ experimental เกิดเป็นลูกผสมที่ฟังแล้วแปลกใหม่แต่ก็ติดหู นอกจากนี้ Left At London เองยังเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมที่ใช้แพลตฟอร์มเธอเพื่อพูดถึงปัญหาสังคมอย่างเปิดเผยอีกด้วย ไม่สนับสนุนไม่ได้เลย !
เพลงที่เราแนะนำ : It Could Be Better, Kudzu, THIS IS A PROTEST FOR YOUR HEART!!!
เห็นแค่ครึ่งหน้าก็ค่าตากันได้
หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับศิลปินหนุ่มปริศนาคนนี้จากหน้ากากประดับริ้วอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา แต่รู้หรือไม่ว่า Orville Peck คือหนึ่งในศิลปินของยุคเราที่บุกเบิกความเป็น LGBTQ+ มาสู่แวดวงเพลงคันทรี่ที่มีประวัติศาสตร์อนุรักษนิยมสูงในอเมริกา
อัลบั้มเดบิวต์ Pony ของเขาได้กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัวไม่นาน ซาวด์ดนตรีได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงคันทรี่ในยุค 70s ด้วยเสียงร้องทุ้มและเสียงเบสที่โดดเด่น ฟังแล้วเหมือนกำลังขี่ม้าไปหาคนรักอีกฟากเมืองในยามค่ำคืนเลย อัลบั้มนี้แหละคือเสน่ห์ของความเควียร์อย่างเปิดเผยภายใต้ภาพลักษณ์ที่ลึกลับ
เพลงที่เราแนะนำ : Dead of Night, Queen of the Rodeo, Roses Are Falling
ไม่มีอะไรแสดงออกถึงความเป็นตัวเองเท่าการตั้งชื่ออัลบั้มเป็นชื่อวงตัวเอง 🤩
อัลบั้มชุดที่สามของทริโอ้ MUNA ประกอบไปด้วยบทเพลง 11 เพลงที่เฉลิมฉลองไลฟ์สไตล์แบบเควียร์ และชักชวนให้ผู้ฟังไม่กลัวที่จะเป็นตัวของตัวเอง แต่ละบทเพลงได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงแด๊นซ์ ดิสโก้ และอิเล็กโทรป๊อปที่ฟังแล้วนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิด Silk Chiffon ที่พูดถึงความโหยหาแบบไร้เดียงสา หรือเพลงปิด Shooting Star ที่เป็นความโหยหาอีกแบบที่เศร้าแต่เต็มไปด้วยความหวัง ใครใคร่จะเป็นอะไร MUNA บอกว่าให้เป็นซะเลย !
เพลงที่เราแนะนำ : Silk Chiffon, What I Want
หลังจากชนะรายการเรียลิตี้ RuPaul’s Drag Race: UK VS The World มาหมาด ๆ แดร๊กควีนตัวแม่ Tia Kofi คนนี้ก็ไม่หยุดพัก โดยเธอปล่อยอัลบั้มชุดแรกออกมาในชื่อ Read My Lips ที่เขียนขึ้นเป็นจดหมายรัก จ่าหน้าถึงคัลเจอร์การสังสรรค์และออกเที่ยวในยามราตรี
Read My Lips เป็นอัลบั้มที่เปี่ยมไปด้วยบทเพลงที่สนุก แซ่บ และยั่วยวนให้คุณอดใจไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมาโยกตาม ด้วยซาวด์แด๊นซ์และดิสโก้จากยุค 80s ที่มักจะเปิดทั่วทุกผับบนเกาะอังกฤษ
พูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้า Tia Kofi สั่งให้เต้น เราก็ต้องเต้นตามสิ !
เพลงที่เราแนะนำ : Read My Lips, Look What You’ve Done
ความงามของดนตรีอยู่เหนือภาษา และนี่คือเสน่ห์ของศิลปินมากตัวตนและความสามารถอย่าง Christine and the Queens ใน EP ชุด La vita nuova ของเขา
อีพีนี้ประกอบไปด้วย 6 บทเพลงที่ไหลเข้าและออกถึงสามภาษา และขับร้องบนซาวด์ของซินธ์และเบสตึ้บ ๆ ตามสไตล์ baroque และ artpop สื่อถึงอัตลักษณ์ทางตัวตนที่ลื่นไหลของศิลปินคนนี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ เนื้อเพลงที่เขาแต่งยังมีความ abstract ที่ถึงแม้จะเข้าถึงยาก แต่วิธีการขับร้องของเขาก็สามารถทำให้คุณอินไปกับอารมณ์ได้ไม่ยาก
หากเท่านี้ไม่พอ คุณยังสามารถชมหนังสั้นประกอบอีพีชุดนี้ที่ถ่ายทำที่โรงละคร Palais Garnier ณ กรุงปารีสเพื่ออรรถรสที่ถูกต้องได้อีกด้วยนะ
เพลงที่เราแนะนำ : People, I’ve Been Sad, Je disparais dans tes bras, La vita nuova