Whynyl Ep.3: Dohee Kwon

Dohee Kwon หรืออีกชื่อหนึ่งอย่าง Kimchisuperpower เรียกได้ว่าเป็นอีก 1 ศิลปินที่น่าจับตามองคนหนึ่งในวงการ Album cover design ขณะนี้ เพราะด้วยสไตล์ดิจิทัลอาร์ตที่ดูเป็นเอกลักษณ์ มีทั้งความทันสมัย และสากล รวมถึงมีทั้งความสากลแบบตะวันตกปนกับตะวันออก

เราเห็นด้วยตามชื่อ IG ของเธอเลยว่าเธอคนนี้มี Super power จริง ๆ เพราะเพียงแค่การได้เห็นหน้าปกของเธอก็อาจทำให้ผู้คนอยากหยิบแผ่นนั้นมาทำความรู้จัก ลองฟัง และหลงรักอัลบั้มนั้นได้ในที่สุด 

จากที่เคยมีคำพูดว่า Don’t judge a book by its cover. หรือหมายถึงว่าคนเราไม่ควรตัดสินใครหรือสิ่งใดจากเพียงภายนอก อาจจะใช้ได้จริงในหลายกรณี  แต่สำหรับงานปกแผ่นเสียงของกิมจิเราว่า Cover นั้นมีพลังมากพอขนาดทำให้ผู้ฟังตัดสินใจเลือกซื้อได้เหมือนกัน

คุณโดฮีมีวิธีการ Transform แปลงความหมายของเพลง และธีมหลักจากอัลบั้มของศิลปินให้กลายมาเป็นภาพ ผ่านสีสัน องค์ประกอบกราฟิก และการจัดวางให้ถูกใจได้ทั้งศิลปินเจ้าของเพลง และผู้ฟังได้อย่างไร มาลองฟังจุดเริ่มต้น และเรื่องราวของเธอไปพร้อม ๆ กัน

I’m somewhere between.

การเปลี่ยนที่อยู่ไปมาตลอดทำให้คุณโดฮีรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ถาวรทั้งที่เกาหลี และไม่ได้ที่ไทยด้วยเหมือนกัน แต่เป็น Somewhere between ด้วยเหตุนี้เลยทำให้คุณโดฮีไม่ได้อยากมีของที่ต้องพกพาติดตัวไปด้วยตลอดเวลามากนัก จึงไม่เคยคิดที่จะมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงจริง ๆ จัง ๆ มาก่อน แต่จนเมื่อไม่นานมานี้ที่ออกแบบอัลบั้มได้ถึง 12 แผ่นก็เพิ่งได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเครื่องแรก อย่าง Gadhouse รุ่น Mathis ซึ่งช่วยทำให้เธอได้ลองเปิดฟังเหล่าอัลบั้มที่เธอออกแบบผ่านรูปแบบที่ใช่จริง ๆ เสียที ในบ้านอันอบอุ่นของเธอในปัจจุบัน

คุณโดฮีเกิด และโตที่เมือง Masan หรือเมืองทางใต้ของเกาหลีใต้ ไม่ไกลนักจากปูซานเมืองติดทะเลที่เรารู้จักกันดี หากเท้าความย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตการเรียน หลังจบจากมัธยมปลายคุณโดฮีก็ได้เรียนต่อมหาลัยในกรุง Seoul ในสาขา Art โดยเฉพาะ และเรียนมาทางด้าน Video ไม่ว่าจะเป็นการใช้โปรแกรมตัดต่อ หรือการทำกราฟิกต่าง ๆ วิถีการทำงานในวงการดีไซน์ก็เริ่มต้นจากการเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์มาก่อน และทำอยู่ในบริษัทที่เกาหลีมาเป็นเวลา 1 ปีได้ 

ส่วนเหตุผลที่ทำให้มาอยู่ที่ไทยจนตอนนี้ คุณโดฮีก็เล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนสนิทหลายคนของเธอที่อาศัยอยู่เชียงใหม่ ซึ่งพอเธอได้แวะมาหาเพื่อน ก็รู้สึกหลงเสน่ห์เมืองเชียงใหม่มากจนต้องแวะกลับมาเที่ยวทุกปี และแต่ละครั้งก็อยู่นานเป็น 3-4เดือน แต่เพิ่งเมื่อปีที่แล้วนี้เองที่คุณโดฮีตัดสินใจจะอยู่ที่เมืองไทยแบบจริงจัง 

“ฉันชอบดอยหลวงเชียงดาวมาก มันทั้งสวย และสงบมาก แต่พอมา Quarantine ที่กรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้วฉันก็ตัดสินใจ Settle down ที่นี่แทน ซึ่งกรุงเทพฯ เองก็เป็นเมืองที่สนุก เต็มไปด้วยเสียงเพลง และสถานที่ดี ๆ เพียบเลย” 

เริ่มจากวาดรูปเล่นจนได้งาน

เดิมทีคุณโดฮีไม่ได้กะว่าจะเข้าสู่วงการออกแบบปกแผ่นเสียง หรือในวงการเพลงนี้แต่แรก แต่ด้วยความชื่นชอบที่จะวาดรูป และลงผลงานลงใน IG ส่วนตัว เลยทำให้ได้ไปเตะตากับ Laura มือเบสของวง Khruangbin เข้า

นอกจากออกแบบเพื่อการทำงาน คุณโดฮีมีความชอบที่จะวาดรูปเล่นลง IG ส่วนตัวอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเธอยังมีอยู่แค่ 40 Followers เอง แต่หนึ่งในภาพวาดเล่น ๆ ที่มีแฮชแท็ก #Khruangbin อยู่ก็ทำให้ Laura มือเบสของวง Khruangbin DM มาขอติดต่อให้โดฮีออกแบบโปสเตอร์ให้พวกเขาจริง ๆ 

“หลังจากที่พวกเขาลงงานของฉันใน IG Khruangbin ก็มีคนเริ่มมาติดตามฉันเยอะเลย และก็มีกลุ่มศิลปินที่เป็นเพื่อนพ้องของ Khruangbin อย่างเช่น Sven Hammond หรือ The Suffers เริ่มรู้จักฉันจากตรงนี้” 

ฟังเพลงทุกเพลงก่อนลงมือออกแบบ

ส่วนใหญ่แนวเพลงของวงที่โดฮีเคยออกแบบก็จะเป็น Psychedelic rock และ Jazz เสียส่วนใหญ่  รวม ๆ ทั้งหมดตลอด 3-4 ปีมานี้ก็ออกแบบมาแล้วกว่า 12 อัลบั้ม ภายในห้องของคุณโดฮีเองก็ยังไม่ได้มีแผ่นทั้งหมดนี้ครบเหมือนกัน เราจึงขอให้เปิดให้ฟังเท่าที่มี ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละแผ่นที่ได้ฟังนั้นมีแต่เจ๋ง ๆ ทั้งนั้น พอได้ฟัง เห็นสีสันแผ่น และงานอาร์ตของโดฮีที่ปก ยิ่งทำให้เราเพลิดเพลินไปกับสิ่งตรงหน้ามากกว่าเดิม

เมื่อถามถึงขั้นตอนก่อนการออกแบบ ปกติได้รับโจทย์ยังไงบ้าง และได้ฟังเพลงทั้งหมดก่อนลงมือออกแบบมั้ย เธอก็เล่าให้ฟังด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจว่า

“ศิลปินทุกคนมาด้วย attitude ที่ดีมาก พวกเขามักส่งเพลงทั้งอัลบั้มมาให้ฉันฟังก่อนทั้งหมด เพื่อให้ฉันได้ลองคิด และตัดสินใจก่อนเริ่มออกแบบ ฉันทั้งทึ่ง และก็เป็นเกียรติมากจริง ๆ ที่พวกเขาแชร์สิ่งที่พวกเขาทุ่มเททั้งเวลา และความพยายามมาให้ฉันได้ฟังก่อนใคร”

หลังจากที่ได้ฟังเพลงแล้ว คุณโดฮีก็จะพยายามนำคอนเซปต์ และธีมของอัลบั้มมา Transform ให้กลายเป็นภาพต่อไป จากนั้นก็ส่งให้ศิลปินหรือทางค่ายได้ลองดูว่าถูกใจไหม ถ้าโอเคทั้งสองฝ่ายก็เป็นอันเสร็จสิ้น 

Art is how you express yourself.

หลาย ๆ คนที่ติดตามเธอคนนี้บน Instagram น่าจะเคยเห็นวิธีการทำงานที่น่าทึ่งอย่างการใช้ไอแพด และปากกาไอแพดของเธอสร้างงาน Digital สุดเนี้ยบ แต่อยากบอกว่านี่ไม่ใช่เพียง Format และวิธีการเดียวที่เธอสร้างสรรค์งาน 

“ฉันว่ามันอยู่ที่คุณให้คำจำกัดความศิลปะยังไง แต่สำหรับฉันงานศิลปะมันไม่ควรเป็นอะไรที่น่ากลัว ควรเป็นอะไรที่คุณสบายใจ และมั่นใจด้วยมากที่สุด ศิลปะคือการแสดงความเป็นตัวเองโดยที่ไม่ต้องอายหรือลังเลอะไร”

สมัยตอนอยู่เกาหลี คุณโดฮีวาดรูปเยอะมาก ๆ และไม่ใช่แค่ด้วยไอแพด หรือบนกระดาษ แต่หลากหลายวัสดุมากกว่านั้น อย่างเช่น กระจก หรือไม้ รวมถึง Risograph Printing ก็เป็นอีกวิธีการที่ชอบใช้ในงานศิลปะ  

อย่างผลงานล่าสุดที่คุณโดฮีได้ร่วมออกแบบโต๊ะล้อเลื่อนอะคริลิก Lucen Record Trolley ในชื่อผลงาน 균형 (Gyoonhyung หมายถึง ความสมดุล) ให้กับ Gadhouse ในโปรเจกต์ The New Signal ก็เป็นการออกแบบลงบนวัสดุแปลกใหม่อย่างอะคริลิก ซึ่งมีความท้าทายทั้งด้วยลักษณะของความโค้งมน และพื้นที่ที่จำกัด แต่คุณกิมจิก็ทำออกมาได้อย่างดี ในสไตล์แบบ Mid-century ใครที่สนใจผลงานชิ้นนี้สามารถเข้าไปชมได้ที่ https://bit.ly/dhnft 

ไม่นานมานี้คุณโดฮีก็กำลังอินกับการสร้างผงสีจากธรรมชาติ (Pigment) เช่นจากหิน ซึ่งสามารถสร้างได้ด้วยการทำให้หินแตกเป็นผง และนำผงเหล่านั้นมาใช้เป็นสีระบายลงบนกระดาษ 

“มันเป็นเหมือนการทดลองใหม่ของฉันเลย เพราะฉันพยายามนำสิ่งที่ได้จากธรรมชาตินี้มาใช้ในงานดิจิทัลด้วย สีที่อ่อน ๆ ของมันทำให้ภาพออกมาดูไม่เหมือนใคร”

เทคนิคหรือสไตล์ของคุณโดฮีอาจจะจำกัดความยากซะหน่อย แต่ถ้าให้คุณโดฮีอธิบายกว้าง ๆ ก็คือแนววินเทจนั่นเอง เพราะส่วนใหญ่แล้วแรงบันดาลใจของเธอมักมาจากอะไรเก่า ๆ และย้อนยุค 

Music art ทำให้รู้สึกว่าผลงานจับต้องได้กว่าที่เคย

แผ่นแรกที่คุณโดฮีมีก็คืออัลบั้มของ Sven Hammond  ที่เป็นอัลบั้ม Tribute ให้กับ Thelonious Monk ศิลปินแจ๊สในตำนาน ซึ่ง Hammond เองนั้นก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคอนเนคชันที่น่ารักจาก Laura มือเบสวง Khruangbin อีกนั่นเอง หลังจากการออกแบบอัลบั้มแล้วก็ยังมีโปสเตอร์ และอีกหลายๆ อย่างต่อมาอีกด้วย คุณโดฮีบอกกับเราว่าเธอชื่นชอบมากที่ได้ทำงานให้กับศิลปินคนเดียวกันในระยะยาวแบบนี้ มันเหมือนได้ทั้งเรียนรู้ และเติบโตไปพร้อม ๆ กัน

“นอกจาก Sven Hammond แล้วก็ยังมีวง The Suffers อีกด้วย พวกเขาก็เป็นคอนเนคชันจาก Khruangbin หลัง ๆ ที่พอมาทำ Music Art มันทำให้ฉันรู้สึกจับต้องผลงานตัวเองได้จริง และรู้สึกเป็นเจ้าของมันมากขึ้นกว่างานรูปแบบอื่น พอศิลปินส่งแผ่นเสียงที่เสร็จสมบูรณ์มาให้เก็บลงคอลเลคชันอีกมันก็ยิ่งรู้สึกดี” 

พอมูฟกันมาที่โซนโต๊ะนั่งทำงานก็เห็นว่ามีแสงส่องค่อนข้างเยอะ เลยอยากรู้เหมือนกันว่าคุณโดฮีมักทำงานช่วงไหน และตรงโซนนี้เป็นประจำเลยหรือเปล่า

“ฉันชอบทำงานแบบแสงเยอะหน่อย ตอนกลางวันนี่แหละ ส่วนถ้าครั้งไหนแพลนจะไปเที่ยวนาน ๆ ก็มักจะเอางานไปด้วย ฉันทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ที่ไทย หรือเกาหลี แต่ฉันจะสบายใจสุดกับการทำงานในสตูดิโอที่บ้านตัวเอง” 

เห็นว่าคุณโดฮีมีเสียงสยามแผ่นเสียงโดดเด่นโผล่ออกมาจากชั้นวางด้วย เราจึงไม่ลังเลที่จะถามถึงว่าหาซื้อมาจากที่ไหน 

“ได้แผ่นนี้มาจากตอนที่ไปเดินเล่นหาของวินเทจที่จตุจักร ตอนนั้นลองเปิดแผ่นฟังตรงนั้นแล้วจังหวะมันทั้งสนุก และขี้เล่นมาก เลยต้องซื้อมาเลย” 

สำหรับแผ่นเสียงใหม่ ๆ แบบ New / Sealed คุณโดฮีรู้สึกว่าหาได้ค่อนข้างง่ายกว่ามาก แต่พวกอย่างแผ่นมือสอง แผ่นเก่า มันมีความเฉพาะตัว และเฉพาะที่ ทีมงานเราจึงโดนสัมภาษณ์กลับถึงเหล่าร้านแผ่นเสียง และสถานที่ในกรุงเทพฯ ที่พอจะให้เธอได้ไปรื้อค้นแผ่นมือสองเพิ่มเติมบ้าง 

Give me 5 (Dohee’s works) 

เดินทางมาถึงช่วง Give me 5 ที่จะให้คุณโดฮีได้เลือกหยิบ 5 อัลบั้มมาแบ่งปันให้กับนักสะสมที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ ทางเราเลยเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะให้คุณโดฮีได้เลือกแผ่นเสียงที่เธอออกแบบเองทีละปกออกมาเล่าให้เราฟัง และพูดถึงความประทับใจเบื้องหลังกันแบบเจาะลึก 

คุณโดฮีได้บอกกับเราว่าถ้าเธอมีโอกาสได้ออกแบบอัลบั้มแผ่นเสียงทั้งที เธอก็อยากที่จะดูแลส่วนประกอบทั้งหมด ไม่ว่าจะปกหน้าหลัง สัน ซอง หรือแม้แต่ส่วนของ Label ด้วยตัวคนเดียว เพื่อที่ว่าภาพรวมทั้งหมดจะได้ออกมาเป็นหนึ่งเดียวกันที่สุด ถ้าอยากรู้แล้วว่ามีอัลบั้มไหนบ้าง ตามมาอ่านกันเลย

  1. Sven Hammond – Sphere – A Tribute To Thelonious Monk

อัลบั้มนี้เป็นผลงานอัลบั้มแผ่นเสียงแรกที่คุณโดฮีได้ออกแบบ เธอจึงเปรียบเหมือนกับลูกรักของเธอ โดยองค์ประกอบบนหน้าปกก็มีที่มาจาก Thelonious Monk ศิลปินแนวเพลงแจ๊สที่มักจะใส่หมวกเวลาเล่นดนตรีอยู่เสมอ เธอจึงนำหมวกมาเป็น Key element ในดีไซน์ปก มีความฟุ้ง ๆ Dreamy หน่อย แล้วก็ทำให้ UFO มีรูปร่างเหมือนหมวกที่กำลังลักพาตัว Monk ไป

  1. The Suffers – It Starts With Love, It Ends With Love: Part 1

อัลบั้มนี้ใช้เวลานานกว่า 2 ปี เพราะด้วยสถานการณ์โรคระบาด จนเมื่อปี 2022 นี้เองที่เพิ่งวางจำหน่าย ซึ่งนักร้องนำวงนี้อย่าง Kam Franklin เองก็เป็นเพื่อนของ Laura Lee วง Khruangbin ที่ติดต่อมา เพราะชื่นชอบจากผลงานโปสเตอร์ที่โดฮีออกแบบให้ เธอบอกว่าปกติแล้วโปรเจกต์ที่กินเวลานาน ๆ มักจะเหนื่อย แต่งานครั้งนี้กลับสนุกมาก ๆ เพราะด้วยสมาชิกวงที่น่ารัก และพาร์ท 2 ก็กำลังจะออกมาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเธอจะมีส่วนร่วมในการออกแบบปกเหมือนกัน อยู่ในช่วงกำลัง Transfer ความหมายของเพลงออกมาเป็นภาพอยู่

  1. Telemakus – The New Heritage

ปกอัลบั้มที่อาจเรียกได้ว่าคนชื่นชอบที่สุดของเธอเลยก็ว่าได้ Telemakus ได้ส่งเพลงทั้งหมด 16 เพลงมาให้โดฮี และอธิบายถึงความต้องการของเขา โดฮีเล่าว่าเขามีความหลงใหลที่ชัดเจนมาก มีการให้ Reference และแลกเปลี่ยนกัน การได้คุยกันเยอะ ๆ เลยทำให้ผลงานออกมาตรงใจทั้งคู่ ต้องขอขอบคุณงานชิ้นนี้เลยที่เบิกทางให้กับอีกหลาย ๆ งานถัดมา

  1. CHSVERYHIGH* – Angelvilla

แผ่นเสียงแรกที่เป็นศิลปินเกาหลี ทุกเพลงของอัลบั้มนี้อัดที่บาหลี เลยอยากคงให้มีความรู้สึกแบบ Bali, Beach, Tropical vibe อยู่ในดีไซน์ของอัลบั้ม ทางวงระบุมาเลยว่าอยากให้มีจิ้งจกเป็น 1 ใน Element จึงจะเห็นได้ว่ามีจิ้งจกเกาะที่ต้นปาล์ม และมีแสงอาทิตย์โทนอบอุ่นในหน้าร้อนอยู่เบื้องหลัง

  1. Romain Fx – Le Sucre d’Adam

อัลบั้มสุดท้ายนี้ถือเป็นครั้งแรกที่โดฮีได้ออกแบบปกให้กับอัลบั้มที่มีแนวเพลงแบบ House music โดยปกติก็จะในแนว Jazz, Psychedelic Rock หรือ Rock เสียมากกว่า ซึ่งจากเดิมที่เป็นคนทำงานแนววินเทจ และชิล ๆ เลยต้องปรับ Mindset ให้มันเข้ากับแนวเพลง House Music ที่สนุก ๆ และชวนคนลุกขึ้นเต้น งานในครั้งนี้เลยต้อง Modern กว่าที่เคยหน่อย รวมถึงผสมผสานด้านมืดเข้าไปด้วย โดฮีคุยกับค่ายเพลงนี้ที่อยู่ฝรั่งเศส และส่งผลงานให้ดูก่อน ซึ่งทางศิลปินและค่ายก็ชื่นชอบมาก ๆ 

“ฉันเดาว่าฉันก็ทำได้ดีระดับหนึ่งเลยแหละ หัวเราะ” 

Share the Post:

Related Posts

new-queer-artists-gadhouse-pride-month-2024-thumbnail

ร้อง เล่น เต้น เควียร์ : พาฟัง 11 แผ่นเสียงจากศิลปิน LGBTQ+ ที่กำลังมาแรงของยุค 2020s

นำเสนอ 11 แผ่นเสียงจากศิลปินดาวรุ่ง LGBTQ+ ที่กำลังมาแรงประจำทศวรรษนี้ อย่าง Chappell Roan, Orville Peck, Reneé Rapp และอีกมากมาย​ !

Read More