ทำไมร้านนี้ขายแต่แผ่นเสียงไซส์ 7”?
ด้วยความที่ Brook Records เป็นร้านแผ่นเสียงออนไลน์ที่ไม่มีหน้าร้าน ทำให้เราไม่เคยคาดเดาออกเลยว่าสถานที่ที่ร้านไว้เก็บแผ่นเสียง หรือเจ้าของร้านจะเป็นใคร
ก่อนหน้าที่ Gadhouse จะมาสัมภาษณ์ก็ได้เพียงแต่พูดคุยกับ ‘คุณนัฐ’ เจ้าของร้านผ่านทางเสียงเท่านั้น แต่แค่จากน้ำเสียงก็เดาได้แล้วว่าเป็นคนที่อารมณ์ดี และไนซ์มาก ๆ คอยเอาแต่บอกทีมงานตลอดว่าห้องพักค่อนข้างเล็ก ไม่มีมุมถ่ายรูปเท่าไร แต่ทางเราก็ยืนยันว่าไม่เป็นไรเลย อยากเข้ามาพูดคุย และเห็นวิถีปกติของคุณนัฐจริง ๆ


พอเราไปถึงที่พักของคุณนัฐ ก็ต้องยอมรับถึงความกะทัดรัดของคอนโดใจกลางเมืองขนาดสตูดิโอ ซึ่งเราก็แปลกใจเช่นกันว่าแล้วจะเก็บแผ่นมากมายไว้ตรงไหนได้ โซนฟังแผ่นเสียงอยู่ตรงไหน นั่งเทสตรงไหน ซึ่งก่อนจะมีคำถามมากไปกว่านี้ คุณนัฐก็เชิญเรานั่งลงโซฟาให้พักตามสบาย แล้วก็เดินไปหยิบเครื่องเล่น Portable 2 ตัว พร้อมกับ Mixer มีแบตเตอรี่ในตัวออกมาตั้งสเตชันเปิดแผ่นให้เราฟังพลาง ๆ ระหว่างบทสนทนา
ขณะที่คุณนัฐกำลังเซ็ตเครื่องอยู่ ทางเราก็เหลือบเห็นว่ามีโซนของเล่น และโมเดลคุ้นตาอยู่จำนวนหนึ่ง เลยถามถึงกันว่านี่คือตัวละครที่ชื่นชอบเหรอ คุณนัฐก็ตอบทันทีว่า
“ใช่ ชอบมากครับ นี่แหละ Brook จาก One Piece ที่เป็นที่มาของชื่อร้าน Brook Records”
และพวกเราก็ถึงบางอ้อ ขีดฆ่า 1 คำถามออกจากลิสต์ได้ทันที

พอถามถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เข้าสู่วงการแผ่นเสียง คุณนัฐก็เล่าให้ฟังว่าจริง ๆ ชอบฟังเพลงสากลมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว โดยเฉพาะแนว Rock วงสากลแรก ๆ ที่เริ่มฟังเลยก็คือ ‘Red Hot Chilli Peppers’ แล้วพอมีโอกาสได้ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นก็นับเป็นครั้งแรกที่ทำให้ได้ไปตระเวนตามร้านแผ่นเสียงที่กระจายตัวทั่วเมืองที่อาศัยอยู่ ความสนใจในแผ่นเสียงจึงเริ่มจุดประกายขึ้นที่นั่น
“ร้านที่นั่นจะแบ่งแนวเพลงกันค่อนข้างชัด ราคาก็ถูกมาก หลายครั้งที่ไป Dig ก็เซอร์ไพรซ์ แผ่นเสียงมือ 1 แผ่นแรกในชีวิตก็ซื้อจากร้าน Tower Records อัลบั้มของ My Bloody Valentine ตอนแรกจะไปซื้อ CD แต่เหลือบไปเห็นว่าแผ่นเสียงข้าง ๆ ปกใหญ่กว่า ดูดีกว่า แต่แพงกว่านิดเดียวเอง ที่โชคดีก็คือตอนนั้นแผ่นเสียงอัลบั้มนี้มี CD แถมให้ด้วย เราก็เลยจัดอันนี้มา แล้วหลังจากนั้นแผ่นเสียงมันก็เริ่มเรียกพวกกันเอง เพื่อนก็ทยอยมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ” คุณนัฐเล่าไปหัวเราะไป
ช่วง 4-5 ปีแรก คุณนัฐก็ซื้อเก็บแต่อัลบั้มเต็ม เวลากลับมาห้องก็เปิดฟังกับเครื่องเล่น Portable เล็ก ๆ เพราะว่าพื้นที่ห้องไม่ใหญ่มาก เครื่องเล่นแรกที่ใช้คือรุ่น Vestax Handy มีลำโพงจบในตัว แต่แล้วพอเวลาผ่านไปนานเข้า รู้ตัวอีกทีแผ่นเสียงก็เริ่มกินพื้นที่ห้องไปพอสมควร ทำให้เวลาคุณนัฐกลับไทยก็ต้องแบ่งส่งกลับมาทางเรือบ้าง
“ตอนนั้นจำได้ส่งแผ่นกลับมาไทยทางเรือ ทั้งหมดประมาณ 500 กก. ได้” พอเราได้ยินตัวเลขนี้ก็อึ้งกันไปสักพัก ในหัวก็จินตนาการว่ามันจะเยอะขนาดไหนกันนะ แล้วเหมือนคุณนัฐก็อ่านสีหน้าออก ยิ้มให้พร้อมโบกมือว่าก็ไม่มากเท่าไรหรอก



พอถามถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เข้าสู่วงการแผ่นเสียง คุณนัฐก็เล่าให้ฟังว่าจริง ๆ ชอบฟังเพลงสากลมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว โดยเฉพาะแนว Rock วงสากลแรก ๆ ที่เริ่มฟังเลยก็คือ ‘Red Hot Chilli Peppers’ แล้วพอมีโอกาสได้ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นก็นับเป็นครั้งแรกที่ทำให้ได้ไปตระเวนตามร้านแผ่นเสียงที่กระจายตัวทั่วเมืองที่อาศัยอยู่ ความสนใจในแผ่นเสียงจึงเริ่มจุดประกายขึ้นที่นั่น
“ร้านที่นั่นจะแบ่งแนวเพลงกันค่อนข้างชัด ราคาก็ถูกมาก หลายครั้งที่ไป Dig ก็เซอร์ไพรซ์ แผ่นเสียงมือ 1 แผ่นแรกในชีวิตก็ซื้อจากร้าน Tower Records อัลบั้มของ My Bloody Valentine ตอนแรกจะไปซื้อ CD แต่เหลือบไปเห็นว่าแผ่นเสียงข้าง ๆ ปกใหญ่กว่า ดูดีกว่า แต่แพงกว่านิดเดียวเอง ที่โชคดีก็คือตอนนั้นแผ่นเสียงอัลบั้มนี้มี CD แถมให้ด้วย เราก็เลยจัดอันนี้มา แล้วหลังจากนั้นแผ่นเสียงมันก็เริ่มเรียกพวกกันเอง เพื่อนก็ทยอยมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ” คุณนัฐเล่าไปหัวเราะไป
ช่วง 4-5 ปีแรก คุณนัฐก็ซื้อเก็บแต่อัลบั้มเต็ม เวลากลับมาห้องก็เปิดฟังกับเครื่องเล่น Portable เล็ก ๆ เพราะว่าพื้นที่ห้องไม่ใหญ่มาก เครื่องเล่นแรกที่ใช้คือรุ่น Vestax Handy มีลำโพงจบในตัว แต่แล้วพอเวลาผ่านไปนานเข้า รู้ตัวอีกทีแผ่นเสียงก็เริ่มกินพื้นที่ห้องไปพอสมควร ทำให้เวลาคุณนัฐกลับไทยก็ต้องแบ่งส่งกลับมาทางเรือบ้าง
“ตอนนั้นจำได้ส่งแผ่นกลับมาไทยทางเรือ ทั้งหมดประมาณ 500 กก. ได้” พอเราได้ยินตัวเลขนี้ก็อึ้งกันไปสักพัก ในหัวก็จินตนาการว่ามันจะเยอะขนาดไหนกันนะ แล้วเหมือนคุณนัฐก็อ่านสีหน้าออก ยิ้มให้พร้อมโบกมือว่าก็ไม่มากเท่าไรหรอก


“พอคนสนใจซื้อ เราก็เริ่มลองเลือกแผ่นมาขายอีก โดยสั่งมาแบบเผื่อ ๆ เพราะว่า 7” น้ำหนักไม่มาก สั่งเยอะค่าส่งก็เพิ่มไม่เท่าไร ก็คิดซะว่าสั่งแผ่นที่ตัวเองอยากได้ บวกกับแผ่นที่อยากขาย แล้วก็หารค่าส่งกัน ไม่ขายเอากำไรอะไรมาก เหมือนช่วยกันหารค่าส่งกับคนที่ชอบฟังเพลงเหมือนกันมากกว่า” ซึ่งเพื่อน ๆ ที่มาร่วมหารก็ยินดีอยู่แล้วเลยใช่มั้ยล่ะ
การขายแผ่นเสียงของ Brook ในช่องทาง IG คุณนัฐก็ยอมรับว่าค่อนข้างตอบโจทย์ทีเดียว ดังที่เราจะเห็นได้จากการที่มีคนมาเมนต์ F ในเวลาไม่กี่นาทีหลังลงรูป หรือสเตตัสของแผ่นที่เปลี่ยนเป็น Sold แล้วเกือบหมด การที่ลูกค้าได้เห็นรูปแผ่นเรียงสวย ๆ เต็ม IG มีทั้งภาพปกพร้อมแผ่นให้เห็นชัด ๆ วีดิโอเทสเสียง รวมถึงคำบรรยายกับเกรดแผ่นที่ระบุอย่างตรงไปตรงมา องค์ประกอบเหล่านี้ก็ทำให้การตัดสินใจซื้อเป็นไปได้อย่างง่ายดาย หรือเรียกได้ว่าโดนตกกันง่าย ๆ


เห็นว่า IG Brook Record มีอัปแผ่นเจ๋ง ๆ ตลอด แต่คุณนัฐจริง ๆ แล้วทำงานประจำอยู่ด้วย โดยเดือน ๆ หนึ่งช่วงวันหยุดจากงานประจำก็จะใช้เวลารอแผ่นที่สั่งไว้มาส่ง เทสแผ่น ทำราคา และถ่ายรูป แม้จะฟังดูเหนื่อย และขั้นตอนเยอะ แต่ด้วยว่าการฟังเพลงเป็น Passion ไปแล้ว การเลือกสั่งแผ่นจากเมืองนอกมาไทย และนั่งเทสแผ่นก็เป็นเหมือนกิจวัตรวันหยุดที่คุณนัฐทำแล้วก็เพลิดเพลินดี เหมือนได้ Learning สิ่งใหม่ตลอดเวลา
“มันก็เหมือนกำไรแล้วนะ การได้ฟังแผ่นเสียงจากหลายค่าย หลายประเทศ หลากหลายแนวเพลง เปิดโลกมากจากการได้เทสแผ่นฟัง กลับกลายเป็นเริ่มชอบเพลงหลากหลายมากขึ้น”



เมื่อมีทั้งแผ่นตัวเอง แผ่นที่รอการเทส แผ่นเตรียมขาย ทั้งหมดในห้องคอนโดขนาดสตูดิโอห้องเดียว การจัดเก็บจึงเป็นเรื่องที่น่าท้าทายอยู่เหมือนกัน แต่คุณนัฐก็เอาอยู่ ตอนที่เราขอให้เลือกแผ่นเสียงที่อยากแนะนำผู้อ่าน คุณนัฐก็นั่งลงกับพื้น แล้วค่อย ๆ หยิบกล่องสีดำที่มีสติกเกอร์ Brook ติดกระจายทั่วกล่องออกมาทีละใบ ๆ รวม ๆ แล้วก็มีประมาณ 10 กล่องได้ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจพอ ๆ กับแผ่นก็คือแต่ละกล่องนั้นมีขนาดพอดีชนิดเหมือนถูกสั่งทำมาให้แผ่นไซส์นี้
“กล่องสีดำพวกนี้เป็นของไซส์แผ่น 7” โดยเฉพาะเลย ฝากเพื่อนหิ้วมา เป็นของ Disk Union”
ต้องยอมรับเลยว่าคุณณัฐใส่ใจกับการจัดเก็บอย่างมาก ทุกอย่างพอดิบพอดี ไม่ให้เหลือไม่ให้เกิน และไม่ให้กินพื้นที่จริง ๆ ที่เหนือกว่านั้นคือกล่องสำหรับการพกพาเวลาไปเล่นดีเจ คุณนัฐลุกขึ้นหยิบอีกสิ่งของกะทัดรัดออกมาให้เราทึ่งกันอีกครั้ง สิ่งนั้นคือกล่องสีดำที่เข้ามุมด้วยเหล็ก พร้อมหูหิ้วที่ดูแข็งแรงมาก ๆ
“เวลาออกไปเล่นดีเจ ก็หยิบกล่องโบลิ่งนี้ไปเลย มันใส่แผ่น 7” ได้พอดี รู้สึกว่าแข็งแรง พกง่าย ใส่แผ่นเต็มกล่องนี้ไปก็เปิดเล่นเซ็ตนึงได้ 3-4 ชม. ตอนนั้นซื้อกล่องนี้มาเป็นมือ 2 มีลูกโบลิ่งมาด้วย แต่ไม่รู้จะเอาไปทำไรก็เลยทิ้งไปแล้ว หัวเราะ”


และก่อนจะจากกันไปนี้ก็ขอปิดท้ายด้วยช่วง Give Me Five (Singles) แผ่นไซส์ 7นิ้ว จำนวน 5 แผ่นสุดเจ๋งที่อยู่ในคอลเลคชันกล่องดำของคุณนัฐ ที่อยากนำมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ไปลองฟัง หรือหาซื้อมาสะสมตามกัน

#1 Motorama – Holy Day
“เป็นวงโพสต์พังก์จากรัสเซีย ผลิต 1,000 แผ่น เขียนมือบอกว่าเป็นแผ่นที่เท่าไร เป็น Single ที่ชอบ และไม่ได้อยู่ในอัลบั้มเต็ม ก็เลยซื้อเก็บ จริง ๆ เคยมีแผ่นนี้พร้อมลายเซ็นด้วย เอาหน้าปกไปขอลายเซ็นต์เลยตอนเค้ามาแสดงที่ประเทศไทย แต่ว่าลองลงขายเล่น ๆ ปรากฏขายได้ ก็เลยขายไปแล้ว ก็เลยต้องไปหาซื้อแผ่นใหม่เป็นแผ่นนี้แหละรอบนี้แถมได้โปสเตอร์ทัวร์จากค่ายเขามาด้วย โชคดีไป หัวเราะ”
#2 The Whistle Song – Reggae Disco Rockers
“อันนี้ก็เซอไพรซ์เป็นเพลง Cover ของ Frankie Knuckles ที่เป็นคนทำเพลง House ยุคแรกๆ แต่แผ่นนี้เป็นวงญี่ปุ่นแล้วเอามาทำเป็นแนวเรกเก้ ละก็ Dub ยืด ๆ เพลิน ๆ”
#3 King Krule – Dum Surfer
“ที่ชอบเพราะเอาไปเปิดตอนเป็นดีเจทีไรคนชอบทุกที เป็นเหมือนเพลงท่าไม้ตายเหมือนกันนะเพลงนี้ จริง ๆ ก็ชอบไว้เปิดฟังเองตอนกรึ่ม ๆ เบียร์ หัวเราะ”
#4 Taken by trees – Lost & Found [Test Pressing]
“ได้มาฟลุ๊ก ๆ จากตอนอยู่ญี่ปุ่น เห็นไม่มีปก ไม่มีเขียนอะไรเลย ก็ลองเอาไป Test พอฟังปรากฏว่าเป็นวงที่รู้จักพอดีก็เลยซื้อมา หาข้อมูลใน Discogs ก็หาไม่เจอ คิดว่าน่าจะเป็นแผ่นเทส ก็เลยใช้ปากกาเมจิกเขียนชื่อเพลงไว้เองว่าหน้าไหนคือเพลงอะไร”
#5 Indigo – Doho [Vinyl Post]
“อันนี้เป็นของค่าย Vinyl Post ที่ทำแผ่นเสียงในรูปแบบของ Post Card วัสดุเป็น Flexi Disc วงที่ออกทุกเดือน ๆ ก็จะเซอไพรซ์เพราะสมัครสมาชิกเป็นรายปีจะไม่รู้เลยว่าจะได้แผ่นอะไรในทุก ๆ เดือน การส่งก็เหมือนจดหมายเลย มีแค่แสตมป์ติดหน้าซองมา ก็ต้องลุ้นเอาว่าแต่ละเดือนของจะถึงมั้ย ที่ด้านหลังก็จะมีคำพูดจากศิลปิน ลายเซ็น ช่องทางติดตาม และเนื้อเพลงมาให้ด้วย”
ติดตาม Vinyl post ได้ที่ https://bit.ly/whynyl_vnp