Self-titled album หรืออัลบั้มที่ตั้งชื่อเหมือนวงหรือตัวศิลปินเอง (ต่อจากนี้เราขอเรียกว่า self-titled นะ) ก็เป็นการทำให้เราจดจำชื่อวง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอัลบั้มแรก แต่ก็มีบางวงที่ใช้ self-titled อัลบั้มหลังๆ เหมือนกัน หรือบางวงก้ใช้ self-titled ซ้ำกันถึง 6 อัลบั้ม! ซึ่งจะมีวงไหนบ้าง อ่านกันต่อได้เลย
Metallica (1991)
สตูดิโออัลบั้มที่ 5 ของวง heavy metal จาก Los Angeles อัลบั้มนี้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในโลก โดยมียอดขายกว่า 16 ล้านอัลบั้มในอเมริกา และ 31 ล้านอัลบั้มจากทั่วโลก โดยเพลงที่โด่งดังมากๆ คือ “Enter Sandman” ที่เราคุ้นหูกันดีนั่นเอง
Rage Against the Machine (1992)
วง rap metal จาก Los Angeles เช่นเดียวกับ Metallica ที่เพลงส่วนใหญ่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่อต้านการเมือง หน้าปกของอัลบั้มนี้คือรูปของพระเวียดนามที่เผาตัวเองเพื่อประท้วงการกำจัดศาสนาพุทธให้หมดไปจากประเทศเวียดนามโดยประธานาธิบดีโง ดิน เดียม ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์เพลงที่ดังมากๆ ในอัลบั้มนี้ก็ต้อง “Killing in the name” โดยนิตยสาร Rolling Stone ได้จัดอันดับให้อัลบั้ม Rage Against the Machine อยู่ในอันดับที่ 365 ของลิสต์ The 500 Greatest Albums of all times.
Weezer (1994)
ถ้านับจนถึงตอนนี้ Weezer จะเป็นวงที่มีชื่ออัลบั้ม self-titled ถึง 6 อัลบั้ม! (แต่เปลี่ยนสีพื้นหลังหน้าปกแต่ละอัลบั้ม) ซึ่งอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้ม debut แต่เรียกกันเล่นๆ blue album เพราะพื้นหลังปกเป็นสีฟ้า Weezer อัลบั้มนี้มียอดขายถึง 3.3 ล้านแผ่นในอเมริกา โดยเพลงที่ส่งให้ Weezer ประสบความสำเร็จคือ “Undone – The Sweater song”, “Buddy Holly” และ “say it ain’t so”
Blur (1997)
อัลบั้มที่ 5 ของ Blur ที่มีเพลงฮิตอย่าง Song 2 และ Beatlebum ซึ่งบางส่วนของอัลบั้มนี้ไปอัดเพลงกันไกลถึง Reyjavik, Iceland เพื่อที่จะหลีกหนีบรรยากาศความเป็น brit pop ออกไปบ้าง นอกจากสไตล์เพลงที่เปลี่ยนไป พวกเขายังได้เปลี่ยนวิธีการอัดเพลงเป็นแบบการแจมกัน เนื่องจากอัลบั้มที่ผ่านมาไม่ได้มีการแจมกกันเลย มันเลยดูทื่อๆ น่าเบื่อๆ พอแจมกันก็ได้ผลลัพธ์ที่สนุกไปอีกแบบ
Franz Ferdinand (2004)
วงอินดี้ร็อคจาก Glasgow, Scotland ที่ชื่อวงมาจาก Archduke Franz Ferdinand of Austria ผู้เป็นรัชทายาทแห่งอาณาจักร Austro-Hungary ที่ถูกลอบปลงพระชนม์ ซึ่งต่อมาเหตุการณ์นี้บานปลายจนเกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยจังหวะเพลงโจ๊ะๆ กับเสียงกีต้าร์แหลมแปร่งๆ อัลบั้มนี้จึงได้รับการตอบรับดีมาก เช่นเพลง “Take me out” ที่ติดอันดับ 3 ใน UK Single Chart มาแล้ว และอัลบั้มนี้ยังได้รับรางวัล Mercury Prize ในปี 2004 อีกด้วย