ดนตรี R&B ที่เติมชีวิตชีวาให้กับเพลงป๊อป
R&B ย่อมาจากคำว่า ‘Rhythms & Blues’ กำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 40s ซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากเพลง Gospel ที่ร้องกันในโบสถ์ โดยผสมผสานระหว่างเพลงแนว ป๊อป แจ๊ส และ บลูส์ ที่เป็นดนตรีของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในช่วงต้นยุค 60s เพลงแนว R&B มีรูปแบบออกไปทางกอสเปล และโซล พร้อมจังหวะท่วงทำนองที่ติดหู อย่างศิลปินเช่น Ray Charles, Sam Cooke, และ James Brown
จนมาถึง Contemporary R&B หรือ R&B ร่วมสมัยที่หลายๆคนคุ้นเคย มีต้นกำเนิดหลังจากยุครุ่งเรืองของดนตรีดิสโก้ได้ผ่านพ้นไป เพลง R&B ร่วมสมัยเป็นงานเพลงที่ลื่นไหล มีจังหวะดรัมแมชชีนเป็นเบื้องหลัง ในบางครั้งใช้จังหวะแซกโซโฟนร้อยเข้ากับจังหวะให้ได้ความรู้สึกแบบแจ๊ซ และดูนุ่มนวล มีการใช้เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ร่วมด้วย บวกกับการใช้จังหวะแบบเพลงฮิปฮอป และเพลงป๊อป เช่นศิลปินอย่าง Michael Jackson, Stevie Wonder, Whitney Houston และ Bill Withers
ตั้งแต่ปลายปี 90s ดนตรี R&B ได้แทรกซึมในเพลงเมนสตรีม จนกลายเป็นอีกแนวเพลงที่เดินคู่ไปพร้อมกับเพลงป๊อป และกำเนิดศิลปิน R&B มากมายที่ดังเป็นพลุแตกในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็น Usher, Chris Brown, Mariah Carey และอีกมากมาย ในปัจจุบันศิลปิน R&B สมัยใหม่ได้สร้างสรรผลงาน โดยนำจังหวะและแนวเพลงอื่นๆมาผสมผสานนอกเหนือจากป๊อปและฮิปฮอป อย่าง Afrobeat ที่ศิลปินอย่าง Davido และ Wizkid นำทำนองพื้นเมืองมาสู่เพลง เมนสตรีม นอกจากนี้ยังมีศิลปินอย่าง Childish Gambino กับเพลง ‘This Is America’ ที่หลายๆคนคุ้นเคย มีเนื้อหาที่พูดถึงการเหยียดเชื้อชาติผ่านท่วงทำนองแบบ Afrobeat
ไม่แปลกใจที่ผู้ฟังส่วนมากชื่นชอบเพลง R&B เป็นพิเศษ เพราะเข้าถึงผู้ฟังได้หลากหลาย มีจังหวะที่ติดหู มีเนื้อหาสะท้อนเรื่องราว อารมณ์ และสังคม ถึงแม้ว่า R&B จะมีมาตั้งแต่ปี 40s แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย เพลง R&B ก็ยังคงติดอันดับท็อปชาร์ตเสมอไม่ว่าจะไปผ่านไปกี่ปีก็ตาม