มาร่วมทำความรู้จักกับพวกเขา Lek & Sowat ศิลปิน duo ชาวฝรั่งเศส ผู้แบ่งปันความชอบใน Urbex หรือ Urban Exploration ศิลปะการค้นหาและสร้างสิ่งต่างๆในสถานที่ ที่ถูกทิ้งร้าง และร่วมผลักดันขอบเขตของกราฟฟิตี้แบบดั้งเดิม ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรม ความ Abstract และ กราฟฟิตี้ ทำให้เกิดรูปแบบที่ทันสมัยของศิลปะในเมือง
เมื่อพูดถึงความเป็นฮิปฮอปแล้ว นอกจากเพลงแร๊ป แฟชั่นสวมเสื้อผ้าโคร่ง ๆ หรือ B-boy และ DJ แล้ว หลาย ๆ คน มักจะนึกถึงภาพวาดกราฟฟิตี้สีฉูดฉาดบนท้องถนนที่เติมเต็มสีสันให้ถนนหนทางสีเทา ๆ กลับมามีชีวิตมากขึ้น เราจึงชวนศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดังจากฝรั่งเศสมาพูดคุยถึงมุมมองของศิลปะในรูปแบบกราฟฟิตี้ ที่อาจจะเคยถูกมองว่าเป็นศิลปะใต้ดิน แต่พวกเขาพลักดันและทำให้การเพ้นท์กำแพงสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน สร้างศิลปะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และทำให้ตึกกำแพงเหล่านั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นอกจากนี้ ศิลปินกราฟิตี้ดูโอ้ชาวฝรั่งเศสคู่นี้ ยังเคยรังสรรค์ผลงานศิลปะด้วยลายเส้นของพวกเขา บนเครื่องเล่นแผ่นเสียง Brad Retro ในงาน Gadhouse x Lek & Sowat ที่กรุงปารีส ในปี 2019 อีกด้วย
“The perspective of the space,
the wall, the ceiling, the texture,
and the story of the building,
everything can be the inspirational.”
เริ่มเพ้นท์กราฟฟิตี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? เล่าให้ฟังเกี่ยวกับก้าวแรกของคุณในโลกแห่งกราฟฟิตี้และวัฒนธรรมฮิปฮอปหน่อย
Lek: เริ่มตั้งแต่ปี 1988 ในปารีส ตอนนั้นผมอาศัยอยู่ในเขต 19 ซึ่งเป็นจุดที่มีกราฟฟิตี้ดัง ๆ อยู่เยอะ ผมได้ไปที่นั่นและหลงใหลมันทันที จริง ๆ แล้วผมค้นพบฮิปฮอปก่อนกราฟฟิตี้ ตอนั้นมีรายการทีวีที่ดังมากในฝรั่งเศส แล้วพิธีกรได้นำเสนอวัฒนธรรมฮิปฮอปในหลายแง่มุม มันทำให้ผมได้ค้นพบความเป็นฮิปฮอปผ่านรายการทีวีนี้ ผมหลงรู้สึกทึ่งกับภาพวาดขนาดใหญ่เหล่านั้น และด้วยความจริงที่ว่าไม่มีทางรู้ได้ว่าใครเป็นคนวาดภาพเหล่านั้น มันทำให้กราฟฟิตี้มีความลึกลับและน่าหลงใหลมาก
Sowat: ผมหลงใหลในกราฟฟิตี้ที่อยู่ทั่วเมืองในระหว่างการเดินทาง ผมรู้สึกอ่อนไหวต่อภาพวาดเหล่านั้น จริง ๆ แล้วผมเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ฝรั่งเศส ผมจึงได้พบกับวัฒนธรรมฮิปฮอปจากการเดินทางในสหรัฐอเมริกาทุกฤดูร้อน และผมคิดว่ากราฟฟิตี้มีความเป็นอิสระจากวัฒนธรรมฮิปฮอปมากกว่าวัฒนธรรมการเต้นBreakdanceซะอีก แต่เราก็เคยหลงใหลกับฮิปฮอปเอามาก ๆ ในตอนเด็ก
ฮิปฮอป และ Underground Culture มีอิทธิพลต่องานของคุณอย่างไร ?
Sowat: สำหรับคนรุ่นเรา การเป็นวัยรุ่น เรามักจะหาทางเผื่อแสดงตัวตนของตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยไม่สนใจกระแส Mainstream ฮิปฮอป นำทางเราไปทำความรู้จักกับ Underground Culture และสิ่งที่ศิลปินใต้ดินสนใจ
นอกจากศิลปินกราฟฟิตี้แล้ว คุณได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินคนไหนบ้าง ?
Lek: อย่างในหนัง Sci-Fi ก็จะมี Blade Runner และ Frank Stella เป็นศิลปินที่ได้แรงบันดาลใจ อย่างไรก็ตามมันไม่มีที่สิ้นสุดเพราะทุกอย่างสามารถมีอิทธิพลต่อคุณในทางใดทางหนึ่ง
Sowat: ผมได้รับอิทธิพลจากโลกการ์ตูน เช่น นักเขียนชาวอเมริกัน Neil Gaiman กับ Alan Moore ที่เขียนการ์ตูนออกมามากมาย
คุณชอบฟังเพลงไหนขณะวาดภาพกราฟฟิตี้ และอะไรเป็นแรงผลักดันในการทำงาน ?
Lek: มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะนั้น แต่ในช่วงนี้ ผมกลับไปฟังฮิปฮอปคลาสสิก ดนตรีในยุค 90s
Sowat: สำหรับผม ผมฟังฮิปฮอปร่วมสมัย อย่าง Drake และ Future แต่อย่างไรก็ตามเพลงนั้นขึ้นอยู่กับงานที่ทำด้วย
คุณคิดว่าการฟังผ่านแผ่นเสียงกับการฟังเพลงแบบสตรีมมิงแตกต่างกันอย่างไร ?
สำหรับไวนิลแล้วมันเปรียบเสมือนพิธีกรรม ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน เมื่อคุณนำไวนิลออกมานั่นหมายความว่า คุณกำลังจะมีช่วงเวลาที่ดี ผมว่ามันมีแนวคิดคล้ายๆกับที่คนอังกฤษมีพิธีกรรมการชงชาของพวกเขา ที่เป็นช่วงเวลาที่คุณมีให้ตัวเองผ่อนคลาย แต่สตรีมมิงเป็นเหมือน McDonald’s เข้าถึงได้ง่ายจากทั่วทุกที่ทุกเวลา แต่เราไม่ได้พูดถึงคุณภาพของเสียงนะ เพียงแค่มุ่งเน้นไปที่วิธีการเข้าถึงที่ง่ายกว่า
แล้วเพลงในคอลเลคชั่นแผ่นเสียงที่คุณมีเป็นแนวไหน ?
Lek : แผ่นในคอลเลคชั่นที่ผมมี ส่วนมากจะเป็นแผ่น Old School
เมื่อไหร่ที่คุณรู้ตัวว่าเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมฮิปฮอป ซึ่งกราฟฟิตี้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมนี้
เมื่อคุณรู้ว่าคุณเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขา เมื่อคนรุ่นใหม่บอกว่าพวกเขาค้นพบผลงานของผม แต่จริง ๆ แล้วคนที่ชื่นชมไม่ใช่สิ่งที่กระตุ้นเรา ความจริงคือเราทำเพื่อพิสูจน์ตัวเองมากกว่าไม่ใช่ทำเพื่อคนอื่น
คุณชื่นชอบฮิปฮอปในยุคไหนมากที่สุด ?
Lek : ผมชอบฮิปฮอปยุค 90s ที่ผมเคยฟังตอนเด็ก ๆ พอมาฟังอีกครั้งก็พบว่ามันยังน่าสนใจ
Sowat : ผมคิดว่าเป็นเพลงยุคนี้นะ มันน่าตื่นเต้นและท้าทายมาก ที่ชอบที่สุดคือ 21 Savage แร๊ปเปอร์ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นที่นิยมมาก ๆ ตอนนี้
อะไรคือความแตกต่างระหว่างกราฟฟิตี้ของอเมริกันและฝรั่งเศส ?
ที่ฝั่งอเมริกาพวกเขาไม่ค่อยวาดภาพตามสถาปัตยกรรม แต่มักจะวาดตัวอักษรใหญ่ ๆ ให้คนเห็น ซึ่งพวกเขามีฝีมือในการวาดตัวอักษรมาก ๆ ส่วนในฝรั่งเศสศิลปินกราฟฟิตี้จะเขียนในสถานที่ที่ถูกทิ้งร้าง พวกเขาไม่ได้มุ่งเน้นไปแค่สถานที่ที่ผู้คนสามารถมองเห็นได้ พวกเขาวาดภาพทุกที่ และทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนประสบการณ์ 3D มีความตระหนักถึงประวัติศาสตร์ศิลปะมากกว่า และทำให้มันเป็นนามธรรมมากขึ้น นั่นเลยทำให้ทั้งสองที่มีความแตกต่างกันในเชิงศิลปะ
อธิบายถึงสไตล์ของคุณหน่อย ? และคุณคิดว่าอะไรที่ทำให้คุณแตกต่างจากศิลปินกราฟฟิตี้คนอื่น ๆ มากที่สุด และเอกลักษณ์ของคุณคืออะไร ?
Lek : สำหรับผม ผมคิดว่าเป็นความเรียบง่าย ดิบ และตรงไปตรงมา ไม่ได้มีการตกแต่งที่มากเกินไป ในทางกลับกันเมื่อเราทำงานศิลปะด้วยกัน เราจะรู้เลยว่าใครจะทำอะไรส่วนไหนและเรารู้ในส่วนของตัวเอง
Sowat : ผมไม่ใช่นักเขียนอักษรมืออาชีพ แต่ผมคิดว่ามันน่าสนใจ สำหรับผม ผมชอบการเขียนแบบดั้งเดิมอย่างอักษรสุเมเรียน เราร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานเพื่อเล่าเรื่อง เพราะ Lek เก่งในสิ่งที่ผมไม่เก่ง และผมเก่งในสิ่งที่ Lek ไม่ได้ชำนาญ เราอธิบายวิธีการทำงานของเราเสมือนกับเพลงแจ๊ส เราทำงานแบบอิมโพรไวส์ แต่เราก็มีธีมของงานในการทำงานร่วมกัน เราได้รับแรงบันดาลใจจากกันและกัน การวาดภาพกราฟฟิตี้เป็นกลุ่มเป็นสิ่งที่เราไม่คิดว่ามีอยู่จริงมาก่อน
ถ้าให้อธิบายสไตล์งานกราฟฟิตี้ของคุณออกมาเป็นเพลงจะเหมือนเพลงไหนมั้ย ?
เพลง “Can I Kick It ?” ของ A Tribe Called Quest ที่มีความคิดที่จะทำลายทุกสิ่ง และทุกคนเสียสละเพื่อพวกพ้อง แต่ยังแสดงออกถึงความเป็นปัจเจก
จากประสบการณ์ของคุณ อะไรคือสิ่งที่ทำให้วัฒนธรรมกราฟฟิตี้และฮิปฮอปเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ?
ในฝรั่งเศสมีภาพวาด Cave Painting เป็นจำนวนมาก อีกด้านหนึ่งของโลกก็เช่นกัน คนอื่น ๆ ใช้เครื่องมือเช่นเดียวกับที่เราใช้ในฝรั่งเศสสิ่งที่น่าสนใจคือคุณสามารถพบภาพวาดเดียวกันได้ทั่วโลกในขณะที่พวกเขาไม่ได้สื่อสารกันด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันคงเหมือนกับดนตรี ที่สามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ต้องพูดหรือเข้าใจภาษาเดียวกัน
ปัจจุบันสตรีทอาร์ตเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเมืองเรา เติมเต็มสีสันให้เมืองและวัฒนธรรมของเรา แต่กราฟฟิตี้เป็นรูปแบบศิลปะชั่วคราว คุณคิดว่างาน Digital art เช่น Augmented Reality และ Projection Mapping จะเข้ามาแทนที่กราฟฟิตี้ในอนาคตหรือไม่ ?
ทั้งใช่และไม่ใช่ กราฟฟิตี้รุ่นใหม่เติบโตขึ้นพร้อมกับเทคโนโลยีที่ใหม่ขึ้น เมื่อเราใช้คำว่า “กราฟฟิตี้” มันเชื่อมโยงกับสิ่งประดิษฐ์ใด ๆ ที่มี แม้ว่าเราจะสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แฟนซีแค่ไหน ก็จะมีคนเขียนอะไรบนกำแพง
ผนัง ที่ไหนสักแห่งในโลกเสมอ เพราะจะมีกลุ่มคนที่ยังคงหลงใหลในสิ่งดั้งเดิมอยู่ดี
พวกคุณมีโปรเจ็คในเร็ว ๆ นี้ไหม ?
ตอนนี้รัฐบาลฝรั่งเศสยังไม่อนุญาตให้เราเดินทางเพราะการแพร่ระบาดทำให้พรมแดนถูกปิด แต่ตอนนี้เรากำลังทำภาพยนตร์อยู่ จริง ๆ เราทำหนังมาหลายเรื่องแล้ว ช่วงนี้เราก็ทำงานอยู่ในสตูดิโอสะส่วนใหญ่
ฝากถึงศิลปินกราฟฟิตี้รุ่นใหม่หน่อย ?
ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นของตึกรามบ้านช่อง มุมต่าง ๆ ของพื้นที่ ผนัง เพดาน พื้นผิว เรื่องราวของตึก ทุกอย่างสามารถเป็นแรงบันดาลใจได้
ติดตามผลงานของ Lek & Sowat ได้ทาง Facebook: Sowat – Da Mental Vaporz